ผลกระทบของความเป็นปึกแผ่นเติบโตขึ้น

ตลอดช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 ความเป็นปึกแผ่นยังคงเป็นเพียงองค์กรใต้ดินที่ได้รับการสนับสนุนจากคริสตจักรคาทอลิก อย่างไรก็ตามในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ความเป็นปึกแผ่นมีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะทำลายความพยายามในการปฏิรูปของ Jaruzelski และการประท้วงทั่วประเทศในปี 1988 ทำให้รัฐบาลต้องเปิดการเจรจากับ Solidarity เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2532 ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะมีสภานิติบัญญัติสองสภาที่เรียกว่ารัฐสภา Sejm ที่มีอยู่แล้วจะกลายเป็นสภาล่าง วุฒิสภาจะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ตามเนื้อผ้าสำนักงานพิธีการตำแหน่งประธานาธิบดีได้รับอำนาจมากขึ้น (ข้อตกลงโต๊ะกลมโปแลนด์)

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 ประธานาธิบดีมิคาอิลกอร์บาชอฟได้ละทิ้งการใช้ศักยภาพกับกลุ่มประเทศโซเวียตอื่นโดยปริยาย เมื่อพูดกับสมาชิกของสภา 23 ประเทศของยุโรปนายกอร์บาชอฟไม่ได้อ้างอิงโดยตรงกับสิ่งที่เรียกว่าหลักคำสอนเบรจเนฟซึ่งมอสโกได้ยืนยันว่ามีสิทธิที่จะใช้ศักยภาพเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกสนธิสัญญาวอร์ซอออกจากการพับของพรรคคอมมิวนิสต์ เขากล่าวว่า "การแทรกแซงใด ๆ ในกิจการภายในประเทศและความพยายามใด ๆ ที่จะ จำกัด อำนาจอธิปไตยของรัฐ - เพื่อนพันธมิตรหรืออื่น ๆ นโยบายนี้เรียกว่า Sinatra Doctrine โดยอ้างถึงเพลง "My Way" ของ Frank Sinatra โปแลนด์กลายเป็นประเทศในสนธิสัญญาวอร์ซอประเทศแรกที่หลุดพ้นจากการครอบงำของสหภาพโซเวียต

ภาพ 071B | WieczórWrocławiaฉบับวันที่ 20–21 มีนาคม 1981 (คืนนี้ในวรอตสวัฟ) แสดงพื้นที่ว่างที่เหลืออยู่หลังจากที่หน่วยงานเซ็นเซอร์ของรัฐบาลดึงบทความจากหน้าที่ 1 (ขวา "เกิดอะไรขึ้นที่ Bydgoszcz?) และจากหน้าสุดท้าย (ซ้าย "ประเทศ - การแจ้งเตือนการนัดหยุดงานทั่วทั้งประเทศ) ทิ้งไว้เพียงชื่อของพวกเขาในฐานะเครื่องพิมพ์ - สมาชิกสหภาพแรงงานที่เป็นปึกแผ่น - ตัดสินใจที่จะดำเนินการหนังสือพิมพ์โดยเว้นช่องว่างไว้ ด้านล่างของหน้า 1 ของสำเนาหลักนี้มีการยืนยันความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่เขียนด้วยมือของการตัดสินใจนั้น | ไม่ระบุชื่อ / แสดงที่มา - แบ่งปันเหมือนกัน 3.0 Unported

ผู้เขียน : Willem Brownstok

การอ้างอิง:

ประวัติศาสตร์คอมมิวนิสต์และลัทธิมาร์กซ์ - เลนิน: ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงความเสื่อมโทรม

ความแตกต่างของคอมมิวนิสต์ในโลก: ลัทธิสตาลินลัทธิเหมาและลัทธิยูโรคอมมิวนิสต์